ทั้ง 2 เทอมนี้มีความเหมือนกันมากแตกต่างกันเล็กน้อยคือเรื่อง Insurance เท่านั้นครับ
สิ่งที่เหมือนกันคือ ผู้ขายรับผิดชอบการขนส่งและค่าใช้จ่ายจนเรือเทียบท่าที่ท่าเรือฝั่งไทยครับ
สิ่งที่ต่างกันคือ ถ้าเป็นเทอม CIF ผู้ขายจะรับผิดชอบทำประกันขนส่งให้ด้วย แต่ CNF ผู้ขายไม่ต้องทำประกันขนส่งครับ
ข้อดีของ เทอม CIF และ CNF สำหรับผู้นำเข้า คือ
- ผู้ซื้อรอดำเนินการนำเข้าโดยไม่ต้องยุ่งยากเรื่องการขนส่งจากต้นทาง
- ขั้นตอนการดำเนินการของผู้นำเข้าน้อย เพียงจัดการเรื่องการดำเนินการผ่านพิธีการศุลกากร และจัดส่งต่อมายังสถานที่จัดเก็บของผู้นำเข้าเอง
- ในเทอม CIF ผู้นำเข้าจะไม่มีค่าใช้จ่ายในการทำประกันขนส่ง
ข้อเสียของ เทอม CIF และ CNF สำหรับผู้นำเข้า มีโอกาสที่จะเกิดสิ่งเหล่านี้ได้ คือ
- เนื่องจากการจัดหาเรือเป็นหน้าที่ของผู้ขาย ทำให้ผู้ขายมีโอกาสที่จะเลือกเรือที่สะดวก แต่เรือเดินทางยาวนานเนื่องจากมีเส้นทางไปประเทศอื่นก่อนเดินทางมาท่าเรือไทย
- มีโอกาสที่ค่าใช้จ่าย Local charge ปลายทางจะสูง เนื่องจากทางต้นทางสามารถเลือกใช้บริการเรือที่ค่าใช้จ่ายต้นทางต่ำแต่มาเรียกเก็บค่าใช้จ่ายปลายทางสูง ซึ่งผู้นำเข้าจำเป็นจะต้องชำระเพื่อจะได้เอกสาร Delivery order มาตรวจปล่อยสินค้ากับศุลกากร
- หากเกิดปัญหาผิดพลาดในเอกสารการขนส่ง การแก้เอกสารจะต้องให้ทางต้นทางเป็นผู้แก้ไข บางครั้งการประสานงานอาจทำได้ยาก และมีขั้นตอนการแก้ไขยาวนาน
จากข้อเสียข้างต้นนี้ผู้นำเข้าสามารถใช้เป็นข้อสังเกตเพื่อใช้ต่อรองหรือกำชับกับผู้ขายเพื่อลดความเสี่ยงดังกล่าวได้ครับ
เช่น เรื่องค่าใช้จ่ายปลายทาง ที่เป็นเรื่องสำคัญเพราะผู้นำเข้าในเทอม CIF หรือ CNF จะต้องชำระแบบเลี่ยงไม่ได้ครับ เพื่อจะได้เอกสาร D/O มาตรวจปล่อยสินค้ากับศุลกากร ดังนั้นผู้นำเข้าควรให้ทางผู้ขายเช็คค่าใช้จ่ายปลายทาง (Destination Local charge) ให้เราทราบก่อน แล้วดูว่าคุ้มค่าหรือไม่ครับ เพราะบางครั้งเมื่อเทียบค่าใช้จ่ายโดยรวมทั้งหมดแล้ว การนำเข้าในเทอม FOB อาจมีค่าใช้จ่ายที่ถูกกว่าและสะดวกกว่าครับ
ถ้าต้องการปรึกษาปัญหาเรื่องนำเข้าหรือส่งออก สามารถปรึกษาเราได้โดยตรงเลยครับ
ติดขัดปัญหาสามารถติดต่อเราได้ทันที
จันทร์-ศุกร์ 08.30-17.00 Tel: 02 712 0967
You must be logged in to post a comment.