สินค้าติดศุลกากร? 5 สาเหตุหลัก และวิธีแก้
สินค้าที่รอมานานจากต่างประเทศกำลังจะถึงไทยแล้ว แต่แทนที่จะได้รับของ กลับได้แต่ข่าวว่า “สินค้าติดศุลกากร” นี่คือฝันร้ายของผู้นำเข้าทุกคน ไม่เพียงแต่ต้องรอนานขึ้น ยังอาจต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่ม หรือแย่ที่สุด สินค้าอาจถูกยึดหรือส่งคืน
วันนี้เราจะพาคุณทำความเข้าใจ 5 สาเหตุหลักที่ทำให้สินค้าติดศุลกากร พร้อมวิธีป้องกันและแก้ไขที่ได้ผลจริง ด้วยประสบการณ์กว่า 20 ปีของ CPO2000 ในการช่วยลูกค้าเคลียร์ปัญหาหลากหลายกรณี
⚠️ สินค้าติดศุลกากร คืออะไร?
“สินค้าติดศุลกากร” หมายถึง สินค้าที่ไม่สามารถผ่านพิธีการศุลกากรได้ตามปกติ และถูกระงับไว้เพื่อตรวจสอบเพิ่มเติม อาจเป็นเพราะ:
- เอกสารไม่ครบหรือไม่ถูกต้อง
- มีข้อสงสัยในรายละเอียดสินค้า
- ฝ่าฝืนกฎระเบียบการนำเข้า
- ต้องการตรวจสอบสินค้าจริง (Physical Inspection)
ผลกระทบที่เกิดขึ้น:
- ⏰ สินค้ามาถึงล่าช้า หลายวัน หรือหลายสัปดาห์
- 💰 เสียค่าจัดเก็บสินค้าเพิ่ม (Demurrage & Detention)
- 📉 สูญเสียโอกาสทางธุรกิจ
- 🤯 ความเครียดและปวดหัว
1. เอกสารไม่ครบหรือผิดพลาด – สาเหตุอันดับ 1
❌ ปัญหาที่พบบ่อย:
เอกสารขาดหาย
- ไม่มี Invoice / Packing List
- ไม่มี Bill of Lading (B/L) ฉบับจริง
- ไม่มีใบอนุญาตพิเศษที่จำเป็น (อย., มอก.)
- ขาด Certificate of Origin (C/O) สำหรับสินค้าที่ขอลดหย่อนภาษี
เอกสารไม่ตรงกัน
- รายละเอียดสินค้าใน Invoice ไม่ตรงกับ Packing List
- น้ำหนักหรือปริมาณไม่ตรงกัน
- ชื่อผู้นำเข้าหรือที่อยู่สะกดผิด
- ราคาสินค้าในเอกสารแต่ละฉบับไม่ตรงกัน
เอกสารหมดอายุ
- ใบอนุญาต อย. หมดอายุ
- ใบรับรองคุณภาพหมดอายุ
- Certificate ต่างๆ ที่มีกำหนดอายุ
✅ วิธีป้องกัน:
ก่อนส่งสินค้า:
- ✓ ทำ Checklist เอกสารให้ครบถ้วน
- ✓ ตรวจสอบความถูกต้องทุกรายละเอียด
- ✓ ให้ซัพพลายเออร์ส่งเอกสารล่วงหน้าเพื่อตรวจสอบ
- ✓ เช็กวันหมดอายุของใบอนุญาตต่างๆ
เมื่อได้รับเอกสาร:
- ✓ ตรวจสอบทันทีว่าครบถ้วนหรือไม่
- ✓ เปรียบเทียบข้อมูลในแต่ละเอกสารให้ตรงกัน
- ✓ แจ้งซัพพลายเออร์แก้ไขทันทีถ้าพบข้อผิดพลาด
🔧 วิธีแก้ไข:
ถ้าเอกสารขาด:
- ติดต่อซัพพลายเออร์ให้ส่งเอกสารเพิ่ม (อาจส่งทาง Email ได้)
- ถ้าเป็น Original Document ต้องจัดส่งทาง Courier
ถ้าเอกสารผิด:
- ขอให้ซัพพลายเออร์ออกเอกสารฉบับใหม่
- อาจต้องทำหนังสือชี้แจงประกอบ (Letter of Explanation)
ถ้าเอกสารหมดอายุ:
- ยื่นขออนุญาตใหม่ทันที (อาจใช้เวลา 7-30 วัน)
- ในบางกรณี อาจต้องทำลายสินค้าหรือส่งคืน
💡 เคล็ดลับจาก CPO2000:
“ทีม Customs Broker ของเราตรวจสอบเอกสารล่วงหน้า 3-5 วัน ก่อนสินค้าถึงไทย เราช่วยเช็กทุกรายละเอียด และประสานกับซัพพลายเออร์ในการแก้ไข ลดโอกาสติดปัญหาได้มากกว่า 90%”
2. HS Code ไม่ถูกต้อง – ภาษีผิด ปัญหาใหญ่
❌ ปัญหาที่พบบ่อย:
ใช้ HS Code ผิด
- เลือก HS Code ไม่ตรงกับสินค้าจริง
- ใช้ HS Code ที่อัตราภาษีต่ำกว่า (ตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ)
- ใช้ HS Code ที่ไม่เฉพาะเจาะจง (Generic Code)
ไม่เข้าใจโครงสร้าง HS Code
- ไม่รู้ว่า HS Code 8 หลักแรกเหมือนกันทั่วโลก แต่หลักที่ 9-10 แต่ละประเทศกำหนดเอง
- ไม่ทราบว่า HS Code เปลี่ยนแปลงทุก 5 ปี
- ไม่เข้าใจว่าสินค้าแต่ละส่วนประกอบอาจมี HS Code ต่างกัน
ผลกระทบ:
- เจ้าหน้าที่ศุลกากรตรวจพบและระงับสินค้า
- ต้องจ่ายภาษีส่วนต่าง + ค่าปรับ (อาจสูงถึง 4 เท่า)
- อาจถูกดำเนินคดีในกรณีร้ายแรง
✅ วิธีป้องกัน:
ค้นหา HS Code ให้ถูกต้อง:
- ใช้เว็บไซต์กรมศุลกากร: www.customs.go.th
- ดูข้อมูลสินค้าโดยละเอียด (วัสดุ, วิธีการใช้งาน, เทคโนโลยี)
- ถ้าไม่แน่ใจ ปรึกษา Customs Broker มืออาชีพ
ตรวจสอบซ้ำก่อนส่งเอกสาร:
- เช็ก HS Code กับสินค้าที่คล้ายกัน
- ดูอัตราภาษีว่าสมเหตุสมผลไหม
- ถ้าอัตราภาษี 0% หรือต่ำผิดปกติ ให้ตรวจสอบเพิ่มเติม
ใช้บริการ Pre-Classification:
- ยื่นขอคำวินิจฉัยล่วงหน้าจากกรมศุลกากร
- ได้ HS Code ที่ถูกต้องและมีผลผูกพัน
- ลดความเสี่ยงในอนาคต
🔧 วิธีแก้ไข:
ถ้าถูกตรวจพบ:
- ยอมรับและแก้ไข HS Code ให้ถูกต้อง
- ชำระภาษีส่วนต่างและค่าปรับ
- ทำหนังสือชี้แจงเหตุผล (อาจลดค่าปรับได้)
ถ้าถูกดำเนินคดี:
- ว่าจ้างทนายความเฉพาะทาง
- เตรียมเอกสารพิสูจน์ความบริสุทธิ์ใจ
- อาจต้องจ่ายค่าปรับสูง
💡 เคล็ดลับจาก CPO2000:
“ทีมของเราเชี่ยวชาญในการจำแนก HS Code มากว่า 20 ปี เราช่วยตรวจสอบและแนะนำ HS Code ที่ถูกต้องตั้งแต่แรก พร้อมเก็บบันทึกไว้ใช้ในการนำเข้าครั้งต่อๆ ไป ประหยัดเวลาและลดความเสี่ยง”
3. มูลค่าสินค้าไม่ตรงความเป็นจริง – ระวังโดนตรวจสอบ
❌ ปัญหาที่พบบ่อย:
มูลค่าต่ำกว่าความเป็นจริง (Under-valuation)
- ลดราคาใน Invoice เพื่อลดภาษี
- แยกค่าสินค้าและค่าบริการออกจากกัน (ไม่ถูกต้อง)
- ไม่รวมค่าใช้จ่ายที่ต้องนำมาคำนวณ (License Fee, Royalty)
มูลค่าสูงกว่าความเป็นจริง (Over-valuation)
- เกิดจากการต่อรองราคาไม่ดี
- ราคาเปลี่ยนแปลงแต่ Invoice ยังไม่อัปเดต
- รวมค่าใช้จ่ายที่ไม่ควรรวม (ค่าขนส่งหลังนำเข้า)
เจ้าหน้าที่ศุลกากรสงสัย:
- ราคาต่างจากมูลค่าอ้างอิงของกรมศุลกากร
- ราคาถูกผิดปกติเมื่อเทียบกับตลาด
- ราคาเปลี่ยนแปลงบ่อยโดยไม่มีเหตุผล
✅ วิธีป้องกัน:
ใช้ราคาที่แท้จริง:
- ระบุราคาตามที่จ่ายจริง ไม่ลดหรือเพิ่ม
- รวมค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องทั้งหมด
- เก็บหลักฐานการชำระเงินไว้
เตรียมเอกสารสนับสนุน:
- ใบเสนอราคา (Quotation)
- Purchase Order
- หนังสือยืนยันการชำระเงิน
- หลักฐานโอนเงิน (Bank Statement)
ตรวจสอบมูลค่าอ้างอิง:
- เช็กราคาจากเว็บไซต์กรมศุลกากร
- เปรียบเทียบกับการนำเข้าครั้งก่อน
- ถ้าราคาเปลี่ยนแปลงมาก ให้เตรียมเหตุผลชี้แจง
🔧 วิธีแก้ไข:
ถ้าถูกตั้งคำถาม:
- ชี้แจงพร้อมแสดงหลักฐาน
- อธิบายเหตุผลของราคา (โปรโมชั่น, ซื้อจำนวนมาก, ตัวอย่างสินค้า)
- ยื่นเอกสารเพิ่มเติมที่ขอ
ถ้าต้องปรับมูลค่า:
- ยอมรับและจ่ายภาษีเพิ่ม
- ตรวจสอบว่ามูลค่าที่ปรับสมเหตุสมผลไหม
- ถ้าไม่เห็นด้วย สามารถยื่นอุทธรณ์ได้
💡 เคล็ดลับจาก CPO2000:
“เราช่วยตรวจสอบมูลค่าสินค้าและเตรียมเอกสารสนับสนุนให้ครบถ้วน หากมูลค่าต่างจากมูลค่าอ้างอิง เราจะเตรียมหนังสือชี้แจงและหลักฐานให้พร้อม เพื่อให้กระบวนการผ่านไปอย่างราบรื่น”
4. สินค้าต้องขออนุญาตพิเศษแต่ไม่ได้ดำเนินการ
❌ ปัญหาที่พบบ่อย:
สินค้าต้องขออนุญาต อย.
- อาหารและเครื่องดื่ม
- เครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด
- อาหารเสริมและวิตามิน
- เครื่องมือแพทย์และยา
สินค้าต้องได้รับมาตรฐาน มอก.
- อุปกรณ์ไฟฟ้า
- เครื่องใช้ในครัวเรือน
- ผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง
- อุปกรณ์ความปลอดภัย
สินค้าต้องขออนุญาตจากหน่วยงานอื่น:
- สินค้าเกษตร (กรมวิชาการเกษตร)
- พืช/สัตว์และผลิตภัณฑ์ (กรมปศุสัตว์, กรมประมง)
- วิทยุสื่อสาร (กสทช.)
- สิ่งพิมพ์ (กรมการปกครอง)
ผลกระทบ:
- สินค้าถูกระงับไว้
- ต้องส่งสินค้ากลับหรือทำลาย
- เสียค่าใช้จ่ายเปล่า
✅ วิธีป้องกัน:
ตรวจสอบก่อนสั่งสินค้า:
- ค้นหาว่าสินค้าต้องขออนุญาตหรือไม่
- เช็กในเว็บไซต์กรมศุลกากร หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
- ปรึกษา Freight Forwarder หรือ Customs Broker
ยื่นขออนุญาตล่วงหน้า:
- สำหรับ อย. ใช้เวลา 30-90 วัน (ขึ้นอยู่กับประเภท)
- สำหรับ มอก. ใช้เวลา 15-45 วัน
- สำหรับหน่วยงานอื่นๆ ประมาณ 7-30 วัน
เตรียมเอกสารให้ครบ:
- รายละเอียดสินค้า (ส่วนประกอบ, วิธีใช้)
- ฉลากภาษาไทย
- ใบรับรองจากประเทศต้นทาง
- ผลการตรวจสอบคุณภาพ
🔧 วิธีแก้ไข:
ถ้าสินค้ามาถึงแล้วแต่ยังไม่มีใบอนุญาต:
- เร่งยื่นขออนุญาตทันที
- ชี้แจงกับศุลกากรและขอเก็บสินค้าไว้รอ
- อาจต้องจ่ายค่าจัดเก็บสินค้าในระหว่างรอ
ถ้าไม่สามารถขออนุญาตได้:
- ส่งสินค้ากลับต้นทาง (Re-export)
- หรือทำลายสินค้า (ต้องเสียค่าใช้จ่าย)
- ยอมรับการสูญเสีย
5. สินค้าไม่ตรงตามที่แจ้งหรือมีข้อสงสัย
❌ ปัญหาที่พบบ่อย:
สินค้าจริงต่างจากเอกสาร:
- ปริมาณหรือน้ำหนักไม่ตรง
- ชนิดสินค้าต่างจากที่แจ้ง
- มีสินค้าแอบแฝงที่ไม่ได้แจง
- แบรนด์หรือโมเดลไม่ตรงกัน
สินค้าน่าสงสัย:
- สินค้าเลียนแบบ (Counterfeit)
- สินค้าละเมิดลิขสิทธิ์หรือสิทธิบัตร
- สินค้าอันตราย
- สินค้าที่มีข้อจำกัดในการนำเข้า
Random Check (สุ่มตรวจสินค้า):
- ศุลกากรสุ่มตรวจสินค้าเป็นครั้งคราว
- ต้องแกะกล่องตรวจสอบ
- อาจใช้เวลา 1-3 วัน
✅ วิธีป้องกัน:
ตรวจสอบสินค้าก่อนส่ง:
- จ้าง Third-party Inspection ตรวจสอบที่โรงงาน
- ขอรูปถ่ายและวิดีโอจากซัพพลายเออร์
- เช็กให้แน่ใจว่าสินค้าตรงตาม Spec ที่สั่ง
ระบุรายละเอียดให้ชัดเจน:
- อธิบายสินค้าให้ละเอียด (ไม่เกินจริงหรือน้อยจริง)
- ใส่รูปภาพประกอบในเอกสาร
- ระบุแบรนด์และโมเดลให้ถูกต้อง
หลีกเลี่ยงสินค้าเสี่ยง:
- ไม่นำเข้าสินค้าเลียนแบบ
- ตรวจสอบลิขสิทธิ์ก่อนสั่ง
- ไม่นำเข้าสินค้าต้องห้าม
🔧 วิธีแก้ไข:
ถ้าถูก Random Check:
- ให้ความร่วมมือเต็มที่
- รอผลการตรวจสอบ (1-3 วัน)
- ถ้าผ่าน ก็จะปล่อยสินค้าได้ตามปกติ
ถ้าสินค้าไม่ตรง:
- ชี้แจงให้ชัดเจน
- แสดงหลักฐานจากซัพพลายเออร์
- อาจต้องจ่ายภาษีเพิ่มหรือส่งคืน
ถ้าสินค้าผิดกฎหมาย:
- ส่งคืนต้นทางทันที (ถ้าทำได้)
- ยอมรับการทำลายสินค้า
- อาจถูกดำเนินคดีในกรณีร้ายแรง
💪 ทำอย่างไรถึงจะไม่ให้สินค้าติดศุลกากร?
เคล็ดลับจากผู้เชี่ยวชาญ:
1. วางแผนตั้งแต่ต้น
- ตรวจสอบข้อมูลสินค้าอย่างละเอียด
- เช็กความต้องการเอกสารและใบอนุญาต
- เตรียมทุกอย่างล่วงหน้า 2-4 สัปดาห์
2. เลือกซัพพลายเออร์ที่เชื่อถือได้
- มีประสบการณ์ส่งออกมาไทย
- ให้เอกสารครบถ้วนและถูกต้อง
- สื่อสารได้ดีและรวดเร็ว
3. ใช้บริการ Customs Broker มืออาชีพ
- ตรวจสอบเอกสารล่วงหน้า
- ดูแลพิธีการศุลกากรอย่างใกล้ชิด
- แก้ไขปัญหาได้รวดเร็ว
4. สื่อสารอย่างโปร่งใส
- แจ้งข้อมูลสินค้าตรงตามความเป็นจริง
- ไม่ปิดบังข้อมูลที่สำคัญ
- ถามเมื่อสงสัย อย่าเดาเอาเอง
5. ติดตามสถานะอย่างสม่ำเสมอ
- ใช้ระบบ Track & Trace
- ติดตามความคืบหน้าทุกวัน
- พร้อมรับมือกับปัญหาที่อาจเกิด
📋 Checklist: ป้องกันสินค้าติดศุลกากร
ก่อนส่งสินค้า เช็กให้ครบทั้ง 10 ข้อนี้:
✅ เอกสารครบถ้วน – Invoice, Packing List, B/L, C/O
✅ เอกสารถูกต้อง – รายละเอียดตรงกันทุกฉบับ
✅ HS Code แม่นยำ – ตรวจสอบและยืนยันแล้ว
✅ มูลค่าสินค้าจริง – ตรงตามที่จ่ายจริง มีหลักฐาน
✅ ใบอนุญาตพร้อม – อย., มอก., และอื่นๆ ที่จำเป็น
✅ สินค้าตรงตามเอกสาร – ตรวจสอบก่อนส่ง
✅ ฉลากภาษาไทย – ครบถ้วนตามกฎหมาย
✅ ประกันภัย – ครอบคลุมความเสียหาย
✅ Customs Broker พร้อม – ตรวจสอบเอกสารล่วงหน้า
✅ แผน B – มีวิธีรับมือถ้าเกิดปัญหา
⚡ ทำไมต้องเลือก CPO2000?
เมื่อพูดถึงการป้องกันและแก้ไขปัญหาสินค้าติดศุลกากร ประสบการณ์คือทุกอย่าง
🏆 จุดเด่นของเรา:
1. ประสบการณ์ 20+ ปี
2. Customs Broker มืออาชีพ
3. บริการรวดเร็ว
4. เครือข่ายแข็งแกร่ง
5. ราคายุติธรรม ไม่มีค่าแอบแฝง
🎁 โปรโมชั่นพิเศษ: ตรวจสอบเอกสารฟรี!
สำหรับลูกค้าใหม่ที่ติดต่อเราภายใน 30 วัน:
✨ ตรวจสอบเอกสารฟรี – ทีมงานช่วยเช็กความพร้อมก่อนส่งสินค้า
✨ ปรึกษาปัญหาฟรี – พูดคุยกับ Customs Broker มืออาชีพ
✨ ใบเสนอราคาภายใน 24 ชม. – ชัดเจน ละเอียด ไม่มีค่าซ่อนเร้น
📞 ติดต่อเราวันนี้ อย่าปล่อยให้สินค้าติดศุลกากร!
ถ้าคุณกำลังมีปัญหาสินค้าติดศุลกากร หรือต้องการป้องกันปัญหาในอนาคต ติดต่อเราเลย!
ช่องทางติดต่อ:
📞 โทร: 02-712-0967 (จันทร์-ศุกร์ 9:00-17:00)
📱 Line: @cpo2000
📧 Email: info@cpo2000.com
🌐 Website: www.cpo2000.com
🎯 สรุป: อย่าปล่อยให้สินค้าติดศุลกากร!
5 สาเหตุหลักที่ต้องระวัง:
- ❌ เอกสารไม่ครบหรือผิดพลาด
- ❌ HS Code ไม่ถูกต้อง
- ❌ มูลค่าสินค้าไม่ตรงความเป็นจริง
- ❌ สินค้าต้องขออนุญาตแต่ไม่ได้ทำ
- ❌ สินค้าไม่ตรงตามที่แจ้งหรือมีข้อสงสัย
วิธีป้องกันที่ดีที่สุด: ✅ วางแผนอย่างรอบคอบ
✅ เตรียมเอกสารให้ครบถ้วน
✅ ใช้บริการ Customs Broker มืออาชีพ
✅ เลือก Freight Forwarder ที่มีประสบการณ์
จำไว้ว่า: การป้องกันง่ายกว่าการแก้ไข!
#สินค้าติดศุลกากร #CustomsBroker #FreightForwarder #นำเข้าสินค้า #เคลียร์ของ #CPO2000 #ศุลกากร #HSCode
บทความนี้จัดทำโดย CPO2000 – Cargo Pacific Oversea | ผู้เชี่ยวชาญด้าน Freight Forwarding และ Customs Broker มากว่า 20 ปี | ช่วยแก้ปัญหาสินค้าติดศุลกากรได้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ







